พุงย้อย พุงป่อง เป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญ โดยเฉพาะคนที่ทำงานออฟฟิศที่นั่งนาน ๆ หรือมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณไม่มั่นใจในรูปร่างแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย แต่ไม่ต้องกังวล เพราะวันนี้ APEX เรามีวิธีลดพุง ลดไขมันหน้าท้องมาฝาก รวม 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณกลับมามีหุ่นที่สวย สุขภาพดีได้อีกครั้ง ตามมาดูกัน
10 วิธีลดพุง ลดไขมันหน้าท้อง
การลดพุงและไขมันหน้าท้องไม่ใช่เรื่องยาก แค่เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง มาดูกันว่ามีวิธีไหนที่จะช่วยให้คุณบอกลาพุงย้อย พุงป่องได้บ้าง ดังนี้
1. ออกกำลังกายลดพุง หน้าท้อง
การออกกำลังกายเป็นหัวใจสำคัญของการลดหน้าท้องอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือเต้นแอโรบิก อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินและลดไขมันโดยรวมของร่างกาย
นอกจากนี้ การออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น ครันช์ ซิตอัพ หรือแพลงก์ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรงและกระชับขึ้นได้ ซึ่งการลดพุงด้วยการออกกำลังกายจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจน
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
การควบคุมอาหารมีผลโดยตรงในการลดพุงและไขมันหน้าท้อง ซึ่งควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างไรบ้าง มาดูกัน
- ลดอาหารแปรรูป อาหารแปรรูปมักมีปริมาณน้ำตาล โซเดียม และไขมันสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้อง
- ลดอาหารที่มีไขมันสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ เช่น อาหารทอด อาหารสำเร็จรูป และขนมหวาน
- ลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น
- เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ ผักและผลไม้มีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้อิ่มนานและลดความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
- เพิ่มการรับประทานโปรตีน โปรตีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมัน ควรเลือกแหล่งโปรตีนที่ดี เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ ถั่ว และเต้าหู้
3. ทำดีท็อกลำไส้ (Colon Hydrotherapy)
การทำดีท็อกลำไส้ เป็นการล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาด ช่วยกำจัดของเสียที่ตกค้างในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด ลดพุง และยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การดีท็อกลำไส้ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการลดไขมันส่วนเกิน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
4. ทำ IF (Intermittent Fasting)
IF หรือการอดอาหารเป็นช่วง เป็นวิธีการจำกัดเวลาการกินอาหาร เช่น 16:8 (อดอาหาร 16 ชั่วโมง กินได้ 8 ชั่วโมง) ช่วยลดปริมาณแคลอรี่ ช่วยกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หลังทำไปสักระยะเวลาหนึ่ง คุณจะรู้สึกได้ว่าน้ำหนักลดลง
5. ดริปวิตามิน IV Weight Loss
การดริปวิตามินเป็นการให้สารอาหารที่จำเป็นทางเส้นเลือด ช่วยเร่งการเผาผลาญ กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยสลายไขมัน โดยสูตรที่ใช้มักประกอบด้วยวิตามินบี วิตามินซี แร่ธาตุ และกรดอะมิโนที่จำเป็น ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานมากขึ้น
6. โปรแกรม Coolsculpting
Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีการลดไขมันด้วยความเย็น ใช้หลักการ Cryolipolysis ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และบริเวณอื่น ๆ ช่วยลดไขมันได้ประมาณ 20-25% ต่อการทำ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และใช้เวลาพักฟื้นน้อย
7. โปรแกรม Emsculpt
Emsculpt เป็นเครื่องที่ใช้เทคโนโลยี HIFEM (High-Intensity Focused Electromagnetic) เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อและลดไขมันส่วนเกิน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อและลดไขมันไปพร้อม ๆ กัน เช่น บริเวณหน้าท้อง ก้น หรือต้นแขน ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมันได้ประมาณ 15-20% ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นผลชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งไม่มีความรู้สึกเจ็บและไม่ต้องพักฟื้น
8. โปรแกรม Thermage Body
Thermage Body เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ผิวบริเวณที่ทำก็จะกระชับขึ้นและดูเรียบเนียนขึ้น
โดย Thermage Body สามารถใช้ลดหน้าท้องได้ แต่ไม่ได้มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่ากับการดูดไขมันหรือการทำโปรแกรม Coolsculpting เนื่องจากหัตถการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและมีไขมันหน้าท้องไม่มาก
9. โปรแกรม Slim Shape Contouring
Slim Shape Contouring เป็นการใช้เทคโนโลยีผสมผสานระหว่างคลื่นอัลตร้าซาวด์และคลื่นวิทยุ ช่วยสลายไขมัน กระชับผิว และลดเซลลูไลท์ ทำให้รูปร่างได้สัดส่วน ผิวเปลือกส้มให้เรียบเนียนขึ้น เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และไม่มีความรู้สึกเจ็บ
10. ดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นวิธีการผ่าตัดที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกโดยตรง ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน แต่ต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง และต้องพักฟื้นหลังการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้แผลหายสนิทและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
สรุป วิธีลดพุงป่อง ลดปัญหาพุงย้อย ทำยังไงดี?
การลดพุงและไขมันหน้าท้องที่ได้ผลดีที่สุด ควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร หากต้องการผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยเสริมได้ อย่างการทำโปรแกรม Coolsculpting ซึ่งเป็นวิธีลดพุงเร่งด่วนที่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้โดยตรง แถมหลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล และใช้เวลาทำไม่นาน
สำหรับใครที่สนใจหรือต้องการลดพุงและลดหน้าท้องด้วย Coolsculpting และหัตถการต่าง ๆ สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำในการรักษาได้ฟรีที่ APEX ทุกสาขา
*ข้อมูลนี้เฉพาะ Apex Clinic สาขา Emquartier
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด