ผิวใต้วงแขนนอกจากค่อนข้างบอบบางและระคายเคืองง่ายแล้ว ยังเป็นส่วนที่มักต้องเสียดสีกันตลอดเวลา แถมยังเป็นที่อยู่ของต่อมเหงื่อซึ่งหากดูแลความสะอาดไม่ดี ก็อาจกลายเป็นแหล่งหมักหมมของแบคทีเรียจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย ซึ่งขนคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้รักแร้ของเรายิ่งดูแลความสะอาดยาก ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับการกำจัดขนรักแร้เป็นประจำ แต่ร้อยทั้งร้อยคนที่เคยกำจัดขนรักแร้ด้วยตัวเอง ต้องประสบพบพานกับสารพันปัญหาใต้วงแขนที่แก้ยากอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับขนคุดหรือตุ่มหนังไก่ ซึ่งทำให้รักแร้ที่ควรจะเกลี้ยงเกลา กลับออกหน้าออกตาไม่ได้เสียอย่างนั้น
ขนคุดคืออะไร ?
ขนคุด (Keratosis Pilaris) คือ การอุดตันที่เกิดขึ้นกับรูขุมขน ในขณะที่ขนพยายามงอกออกมาใหม่ ทว่าเมื่อไม่สามารถแทงทะลุผิวหนังออกมาได้ เส้นขนจึงขดงออยู่ใต้ผิวหนัง กลายเป็นตุ่มบวมนูน ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน เวลาลูบจะรู้สึกสากมือ ทว่ามักไม่มีอาการเจ็บหรือระคายเคือง ยกเว้นในกรณีที่มีภาวะรูขุมขนอักเสบร่วมด้วย ซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ภายหลังได้
โดยมากขนคุดมักเกิดกับคนที่มีผิวแห้งกร้านมาก ๆ ซึ่งเกิดได้ทั่วร่างกายที่มีรูขุมขน ทั้งบนใบหน้า แขน ขา รักแร้ หน้าอก แผ่นหลัง หรือก้น ทั้งนี้มักเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นได้บ่อยจากวิธีกำจัดขนด้วยตัวเองด้วยค่ะ
ขนคุดเกิดจากอะไร ?
ขนคุดมาจากการที่โปรตีนเคราติน (Keratin) ซึ่งคอยทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ผิวหนังเกิดการสะสมมากเกินไป จึงอุดตันบริเวณรูขุมขน ส่งผลให้ขนไม่สามารถงอกออกมาได้ตามปกติ จึงเกิดเป็นตุ่มนูนหรือตุ่มหนังไก่ และบางครั้งก็มีการอักเสบร่วมด้วย โดยเคราตินเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการสูญเสียน้ำมากเกินไป รวมถึงป้องกันผิวจากรังสียูวี และป้องกันการติดเชื้อ
กำจัดขนรักแร้ด้วยตัวเอง เสี่ยงขนคุด
การโกน การถอน การแว็กซ์ หรือการใช้ครีมกำจัดขน นับเป็นวิธีสามัญประจำบ้านที่หลายคนใช้กำจัดขนรักแร้ แต่ละวิธีสามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้อุปกรณ์ไม่มากก็สามารถกำจัดขนได้ แม้จะสะดวกสบาย ทำเวลาไหนตอนไหนก็ได้ ทว่าทุกวิธีล้วนมีข้อเสียเหมือน ๆ กันอยู่ค่ะ นั่นก็คือก่อความระคายเคืองแก่ผิวหนังไม่มากก็น้อย และบ่อยครั้งอาจได้แผลโดนบาด รอยถลอก หรือรูขุมขนบวมและอักเสบ จนทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้ดูต่างหน้า
หากเป็นวิธีการโกนหรือการใช้ครีมกำจัดขน ซึ่งเป็นเพียงการตัดเส้นขนเหนือผิวหนังออก เพียงแค่ 2 – 3 วัน ขนก็จะเริ่มงอกยาวออกมาใหม่ ส่วนการถอนและการแว็กซ์อาจใช้เวลานานหน่อยกว่าขนจะงอกยาวออกมา ทว่าทั้งหมดทั้งมวลมักหนีไม่พ้นอาการคันเวลาขนงอก หรือปัญหาที่แก้ไขได้ยากอย่างขนคุด เพราะยิ่งต้องกำจัดขนด้วยวีธีเหล่านี้บ่อยเท่าไหร่ ผิวก็ยิ่งเสียหายจากการระคายเคืองมากเท่านั้น ต่อให้จะระมัดระวังกันสุด ๆ แล้วก็ตาม
ด้วยผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์เหล่านี้ การกำจัดขนรักแร้และยุติปัญหาขนคุดด้วยเลเซอร์จึงได้รับความนิยมมาก เพราะคลื่นพลังงานเลเซอร์สามารถช่วยกำจัดขนได้ลึกแบบถอนรากถอนโคน ชะลอและหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเส้นขนไม่ให้งอกกลับมาขึ้นใหม่เป็นเวลานาน จึงไม่ต้องประสบพบพานกับปัญหาขนคุดหรือตุ่มหนังไก่ใต้รักแร้อีกต่อไปนั่นเอง
จบปัญหาขนคุด ด้วยเลเซอร์ขนรักแร้
เลเซอร์สำหรับกำจัดขน เมื่อยิงลงสู่ใต้ชั้นผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ซึ่งส่งผลต่อเส้นขนเท่านั้น จึงไม่อันตรายหรือก่อความระคายเคืองแก่ผิวหนังเหมือนการกำจัดขนด้วยตัวเอง โดยเม็ดสีเมลานินในรากขนจะดูดซับพลังงานความร้อนเอาไว้ ส่งผลให้รากขนเริ่มชะลอการเติบโตกระทั่งหยุดลง จากนั้นจึงค่อย ๆ ทยอยหลุดร่วงไปในที่สุด และไม่กลับมาขึ้นอีกเป็นเวลาตั้งแต่ 6 เดือน – 2 ปี ส่วนขนที่ขึ้นใหม่ทีหลังก็จะมีเส้นเล็กบางในลักษณะไรขนอ่อน ๆ
เมื่อขนไม่งอกกลับมาขึ้นใหม่ก็ย่อมไม่มีปัญหาขนคุดมากวนใจเช่นกัน ส่วนขนคุดเก่า ๆ จะได้รับผลจากแสงเลเซอร์จนค่อย ๆ หายไป ทั้งนี้ขนจะเริ่มทยอยหลุดร่วงหลังทำ 2 สัปดาห์ค่ะ ซึ่งการทำเลเซอร์ขนรักแร้ให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ ต้องทำติดต่อกันที่ 5 – 8 ครั้ง หรือจนครบคอร์สตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เส้นขนทุกชุดหลุดร่วงจนหมด และต้องเว้นระยะห่างการรักษาแต่ละครั้งอย่างน้อย 1 เดือน
โดยก่อนการยิงเลเซอร์ทางเจ้าหน้าที่จะทายาชา แปะเจลเย็นหรือประคบเย็นให้ก่อนเสมอเพื่อลดความรู้สึกเจ็บในขณะทำ หรือหากใครไม่กลัวเจ็บ สามารถแจ้งได้ว่าไม่ต้องการแปะยาชา ระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยิงคลื่นพลังงานเลเซอร์จะรู้สึกอุ่นจัด และรู้สึกเหมือนถูกหนังยางดีดแรง ๆ ลงบนผิวเท่านั้น ทั้งนี้หลังรักษา ผิวอาจมีอาการบวมแดงบ้าง เนื่องจากพลังงานความร้อนของคลื่นเลเซอร์ สามารถใช้การประคบเย็นและทาเจลว่านหางจระเข้ หรือมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อปลอบประโลมผิวได้ โดยอาการบวมแดงจะหายเองภายใน 1 – 2 วัน จึงไม่ต้องกังวลไปค่ะ
ทั้งนี้ชนิดของเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ YAG Laser, Alexandrite Laser และ Diode Laser โดยแต่ละชนิดจะมีช่วงความยาวคลื่นแตกต่างกันไป จึงเหมาะกับสีผิวที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ขาวซีดไปจนถึงสีเข้ม และยังมีคุณสมบัติเข้าจับกับเม็ดสีเมลานินในรากขนได้ต่างกันด้วย บางชนิดเหมาะกับขนสีเข้ม ขนสีอ่อน ขนเส้นเล็ก หรือขนเส้นหนา รวมไปถึงความดกของขน ซึ่งแต่ละบุคคลจะเหมาะกับการทำเลเซอร์ชนิดไหนย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยของสีผิว ลักษณะเส้นขน และพื้นที่ที่ทำ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ช่วยประเมินให้ก่อนรักการรักษาค่ะ ว่าเลเซอร์ชนิดไหนเหมาะกับคุณที่สุด