Radiesse VS ฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนที่เหมาะกับคุณ

ริ้วรอย ร่องลึก ผิวดูไม่เต่งตึง ไหนจะหน้าโทรม หมองคล้ำ ส่องกระจกกี่ทีก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก หรือบางคนอาจถึงขั้นไม่อยากส่องกระจกบ่อย เพราะยิ่งเห็นสภาพผิวตัวเองก็ยิ่งหนักใจ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ คนส่วนใหญ่จึงมักทุ่มเงินแต่ละเดือนเพื่อซื้อสกินแคร์ที่เขาว่าดีที่เขาว่าปังแม้จะแพงแสนแพงมาใช้ แต่สุดท้ายอาจพบว่าไม่ได้ช่วยให้งานผิวดีขึ้นจากเดิมสักเท่าไร พอลองคำนวณงบที่ทุ่มลงไปอาจถึงขั้นปวดใจทีเดียว แน่นอนว่าแค่สกินแคร์ ไม่อาจมีอิทธิพลพอหยุดยั้งการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวได้ เนื่องจากธรรมชาติทำให้ทุกปี ๆ ทั้งคอลลาเจน อีลาสติน และสารอุ้มน้ำในผิวค่อย ๆ เสื่อมสลายไป ก่อเกิดเป็นริ้วรอยแห่งกาลเวลาที่ไม่ว่าใครก็ยากหนีพ้น

อย่างไรก็ตามทุกปัญหาย่อมมีทางออกที่ดีกว่ารออยู่เสมอค่ะ โดยเฉพาะในโลกของความสวยความงาม ซึ่งมีทั้งเทคโนโลยีและวิธีมากมายหลายหลากรอให้คนที่พร้อมได้เลือกสรร ซึ่งหากเป็นเรื่องของริ้วรอยและงานผิวแล้วละก็ ตัวช่วยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทุกวันนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการฉีดสารเติมเต็ม นอกจากช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกร่องตื้น และความเหี่ยวย่นได้ดีแล้ว ยังเห็นผลลัพธ์ทันใจแบบไม่ต้องรอลุ้น มิหน้ำซ้ำผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานตั้ง 1 – 2 ปีอีกด้วย

โดยทั้ง Radiesse และฟิลเลอร์ ต่างเป็นสารเติมเต็มเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ที่ได้รับความนิยมทั้งคู่ สำหรับคนที่กำลังลังเลว่าควรฉีดตัวไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และแท้จริง Radiesse และฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ? ในบทความนี้เรานำข้อควรรู้สำคัญ ๆ มาเทียบให้เห็นกันไปเลยค่ะ

Radiesse กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ?

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นฟิลเลอร์เหมือนกัน ทว่าทั้ง Radiesse และฟิลเลอร์มีความแตกต่างกันหลายประการ ดังนี้

สารประกอบหลัก และคุณสมบัติ

Radiesse: สารประกอบหลักใน Radiesse คือ คาฮ่า หรือแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite Microsphere: CaHA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ชนิดเดียวกับที่พบในเนื้อเยื่อกระดูกของเราอยู่แล้ว จึงเข้ากันได้กับร่างกายอย่างปลอดภัย สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง

Radiesse ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความกระชับหลังฉีดได้ทันทีเช่นเดียวกับฟิลเลอร์ แต่เนื้อมีความหนืดมากกว่า จึงเหมาะกับการฉีดในร่องลึกและผิวที่ขาดวอลลุ่ม ทว่ายังมีคุณสมบัติเป็น Collagen Biostimulator ด้วยค่ะ ซึ่ง Radiesse จะค่อย ๆ กระตุ้นให้เกิดกระบวนการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว โดยเข้าจับกับไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) หรือเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนโดยตรง ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

ฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์จะมีส่วนประกอบหลักเป็น HA หรือ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำ และพบได้ทั่วไปในชั้นผิวของร่างกายเราเช่นกันค่ะ สามารถสลายตัวได้เอง 100% ปราศจากสารตกค้าง จึงเป็นฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราวที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งหลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์ทันที แต่อาจต้องรอให้เข้าที่โดยสมบูรณ์ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งฟิลเลอร์มีคุณสมบัติช่วยเติมริ้วรอย ร่องตื้น รอยแผลเป็น หลุมสิว ทำให้ผิวตึงกระชับ แก้รอยเหี่ยวย่น แก้ปัญหารอบดวงตา ปรับรูปทรงริมฝีปาก และกรอบหน้า

บริเวณที่สามารถฉีดได้

Radiesse: ช่วยในการลดริ้วรอยและร่องลึกได้ดีกว่าฟิลเลอร์ เหมาะกับการฉีดทั่วใบหน้า ลำคอ หรือหลังมือ ซึ่งบนใบหน้าสามารถฉีดได้ทั้งขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หน้าแก้ม หรือกรอบหน้า แต่ไม่เหมาะกับบริเวณผิวบางอย่างใต้ตาหรือริมฝีปาก

ฟิลเลอร์: ช่วยในการฉีดเพื่อเต็มเต็ม ปรับและแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าได้ดี ทว่าเหมาะเติมเต็มในจุดที่ยังไม่ลึกมาก ฉีดได้ทั้งขมับ หน้าผาก รอบดวงตา หน้าแก้ม ร่องแก้ม ริมฝีปาก จมูก คาง และตามกรอบหน้า ซึ่งฟิลเลอร์ไม่มีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่เหมือน Radiesse ค่ะ

ผลลัพธ์ และระยะเวลาเห็นผล

Radiesse: อยู่ได้นาน 1 ปี ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สภาพปัญหาผิว และการดูแลตัวเองหลังฉีด โดยผลลัพธ์ของ Radiesse จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ เห็นผลในเรื่องของความกระชับและเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกทันทีหลังฉีด จากนั้นเป็นช่วงของกระบวนการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังฉีด 2 – 3 สัปดาห์ และเห็นผลลัพธ์ในแง่ของการฟื้นฟูผิวอย่างชัดเจนในเดือนที่ 3

ฟิลเลอร์: โดยทั่วไปฟิลเลอร์อยู่ได้นานราว 1 ปี หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นกับยี่ห้อ ชนิดของฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองเช่นกัน หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันที จากนั้นใช้เวลาราว 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่โดยสมบูรณ์

Radiesse VS ฟิลเลอร์ แบบไหนที่เหมาะกับคุณ

ทั้ง Radiesse และฟิลเลอร์ต่างมีคุณสมบัติในการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกเหมือนกันค่ะ เพียงแต่จะมีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างอยู่บ้าง โดย Radiesse นอกจากช่วยเรื่องเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และวอลลุ่มของผิวแล้ว ยังสามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ให้แก่ผิว ซึ่งผิวจะได้รับการฟื้นฟูในทุก ๆ ด้าน และมอบคืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ฟิลเลอร์นอกจากเรื่องการเติมเต็มแล้ว ยังสามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหารอบดวงตา รูปริมฝีปาก และกรอบหน้าได้ดี

ดังนั้นหากถามว่าฉีดแบบไหนเหมาะสมมากกว่า ย่อมต้องพิจารณาจากความต้องการส่วนบุคคล ว่ามีเป้าหมายเพื่อเน้นแก้ปัญหาส่วนไหนมากกว่ากัน อย่างไรก็ตามทั้งฟิลเลอร์ และ Radiesse เป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกันได้ เพื่อส่งเสริมจุดที่มีและจุดที่ขาดของทั้งสองแบบค่ะ โดยปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ว่าตัวเองทำหัตถการไหนดีกว่า หรือหากอยากทำทั้งคู่ก็สามารถให้แพทย์ช่วยประเมิน และออกแบบการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้เช่นกัน

เราพร้อมดูแลคุณโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด Radiesse และมีความชำนาญด้านการวิเคราะห์ปัญหาสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า เพื่อวางแผนการรักษา และออกแบบการฉีดที่จะมอบผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนที่สุด และเรายังเปิดให้บริการด้านความงามมายาวนานกว่า 28 ปี คุณจึงมั่นใจได้ถึงมาตรฐานความปลอดภัยอย่างครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการจริง พร้อมด้วยรีวิวจริงมากมาย

หากคุณมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ให้จางลง พร้อมด้วยบำรุงฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกด้วยการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ วางใจมาปรึกษาและฉีด Radiesse เพื่อทวงคืนความอ่อนเยาว์กับทีมแพทย์มืออาชีพ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมเสริมหน้าอกแล้วแข็ง
สาระน่ารู้

หน้าอกแข็งหลังเสริม เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

การศัลยกรรมหน้าอกเสร็จสิ้นแล้ว แต่หน้าอกกลับแข็ง! หน้าอกที่แข็งหลังศัลยกรรมเป็นปัญหาที่หลายคนกังวล สาเหตุของความแข็งของหน้าอกอาจมีหลายประการ

อ่านต่อ »
เสริมหน้าอกผู้หญิง VS LGBTQ
สาระน่ารู้

เสริมหน้าอกผู้หญิง VS LGBTQ ต่างกันอย่างไร ?

การเสริมหน้าอกเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจและปรับรูปร่างให้สมส่วน อย่างไรก็ตาม กระบวนการเสริมหน้าอกในผู้หญิงทั่วไปและบุคคล LGBTQ อาจแตกต่างกัน

อ่านต่อ »
บอกต่อ 10 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเสริมหน้าอก
สาระน่ารู้

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเสริมหน้าอก 10 ข้อควรทราบก่อนตัดสินใจ

การมีหน้าอกสวย สมส่วน เป็นความฝันของผู้หญิงหลายคน ซึ่งการเสริมหน้าอกช่วยปรับขนาดให้เหมาะสมกับรูปร่างและเสริมสร้างความมั่นใจได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการเพิ่มขนาดเพื่อความสมดุลของสัดส่วน

อ่านต่อ »
โปรแกรม HArmonyCA ! ราคาเปิดตัว 1 Dose เพียง 29,900 บาท
โปรโมชั่น

โปรแกรม HArmonyCA ! ราคาเปิดตัว 1 Dose เพียง 29,900 บาท

หากคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใสและกระชับแบบไม่ต้องพักฟื้น โปรแกรม HarmonyCA คือตัวช่วยที่คุณไม่ควรพลาด! ด้วยเทคโนโลยี Hyaluronic Acid

อ่านต่อ »
ญดา นริลญา Apex Idol

สนใจปรึกษาหรือเข้ารับบริการ

หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลยค่ะ