เทียบกันเห็นๆ Radiesse VS Sculptra เลือกแบบไหนดี

เทียบกันเห็นๆ Radiesse VS Sculptra เลือกแบบไหนดี

เมื่อผิวเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น มิหนำซ้ำยังส่งริ้วรอยมาบั่นทอนความมั่นใจ หลาย ๆ คนจึงมองหาวิธีการเพื่อทวงคืนผิวอ่อนเยาว์กลับคืนมา ซึ่งตัวการอันดับหนึ่งที่ทำให้ผิวพรรณเสื่อมสภาพก็คือคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่ร่างกายสูญเสียไปตามกาลเวลา ฉะนั้นเทรนด์ฉีดผิวให้กลับมาอิ่มฟู และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิวจึงกำลังมาแรง เพราะมีรีวิวเป็นที่ประจักษ์จากคนจำนวนมากทั้งชายและหญิง ที่ฮิตติดลมบนสุด ๆ ในแง่ของการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติก็คือ Sculptra® และผู้ช่วยใหม่ล่าสุดอย่าง Radiesse® ในเมื่อช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาดูเด็กได้เหมือนกัน แต่ควรฉีดตัวไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ? บทความนี้เรา

Radiesse คืออะไร?

Radiesse (เรเดียสซ์) เป็นสารเติมเต็มและช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ CaHA (Calcium Hydroxyapatite Microshere) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “คาฮ่า ไมโครสเฟียร์” ซึ่งหลังจากฉีดเข้าใต้ชั้นผิวแล้ว วอลลุ่มของผิวจะได้รับการเติมเต็มทันที เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ ช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง จากนั้น CaHA จะเป็นดั่งโครงสร้างเสาเข็มให้เซลล์ผิวใหม่ยึดเกาะพร้อมกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง กระชับ ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ลง

CaHA เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในกระดูกและฟันของมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อถูกนำมาพัฒนาเป็นสารเติมเต็มจึงเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่เกิดการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่ง CaHA จะมีลักษณะโมเลกุลเป็นทรงกลมขนาด 25 – 45 ไมครอน ซึ่งเมื่อฉีดเข้าสู่ผิวชั้นลึก “ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)” หรือเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนจะมาเกาะรอบ ๆ แล้วเกิดกระบวนการผลิตคอลลาเจนใหม่ ๆ นั่นเองค่ะ

จุดเด่นของ CaHA

    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I และ Type III
    • ช่วยสร้างเส้นใยอีลาสติน
    • กระตุ้นการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงผิว
    • สร้างเส้นเลือดหล่อเลี้ยงผิว

 

Sculptra คืออะไร?

Sculptra หรือที่หลายคนเรียกว่า “ไหมน้ำ” เป็นสารในกลุ่ม Biostimulator ซึ่งออกฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใหม่ ๆ ใต้ชั้นผิว ตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย โดยมีส่วนประกอบสำคัญเป็น Poly-L-Lactic Acid หรือ PLLA ซึ่งเป็น Biostimulator ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติจาก US FDA

Sculptra จะไม่เห็นผลทันทีหลังฉีด แต่จะค่อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้างอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ โดยเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 2 – 3 สัปดาห์หลังฉีด จากนั้นจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 3 เดือน และคงผลลัพธ์ยาวนานต่อเนื่องถึง 2 ปี ผลลัพธ์ของ Sculptra จะดูเป็นธรรมชาติ ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมากระชับ ยืดหยุ่น ผิวสุขภาพดีขึ้น ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ อิ่มฟู ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง มอบความอ่อนเยาว์ดูเด็กกลับคืนสู่ผิวอีกครั้ง

กระบวนการทำงานของ Sculptra

เมื่อฉีด PLLA เข้าสู่ผิวชั้นลึก ตัวยาจะกระจายตัวและค่อย ๆ กระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน…

Radiesse และ Sculptra ต่างกันอย่างไร?

ทั้ง Radiesse และ Sculptra ต่างเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนในกลุ่ม Biostimulator เหมือนกันค่ะ ซึ่งหลังฉีดเข้าสู่ชั้นลึกของผิวจะเริ่มกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกายเช่นเดียวกัน ซึ่งต่างช่วยให้ผิวบริเวณที่ฉีดได้รับการฟื้นฟูตั้งแต่ระดับโครงสร้าง และคืนความอ่อนเยาว์สู่ผิวอีกครั้ง ทั้งยังช่วยชะลอริ้วรอยและการเสื่อมสภาพของผิวลงอีกด้วย นอกจากนี้ทั้ง Radiesse และ Sculptra ยังผลิตจากสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ดังนั้นจึงปลอดภัยต่อร่างกาย และค่อย ๆ ย่อยสลายได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ซึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนของ Radiesse และ Sculptra มีดังนี้ค่ะ

ส่วนประกอบหลักของตัวยา

  • Radiesse: แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ หรือ คาฮ่า (CaHA: Calcium Hydroxyapatite Microshere)
  • Sculptra: โพลี แอล แลคติค แอซิด (PLLA: Poly-L-lactic Acid)

การออกฤทธิ์ของตัวยา

  • Radiesse: CaHA จะตรงเข้าไปจับกับ “ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)” หรือเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจนกับอีลาสติน และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย
  • Sculptra: ออกฤทธิ์ผ่านกระบวนการอักเสบระดับเซลล์ (Subclinical Inflammation) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ชื่อว่า “แมคโครฟาจ (Macrophage)” มาช่วยในการทำงาน เพื่อส่งสัญญาณไปกระตุ้น “ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)” ให้มารวมตัวกันเพื่อสร้างคอลลาเจนใหม่

 

ระยะเวลาของการเห็นผลลัพธ์

Radiesse: เห็นผลลัพธ์ในเรื่องการจางลงของริ้วรอยต่าง ๆ ทันทีหลังฉีด จากนั้นภายใน 1 เดือน จะเริ่มเห็นผิวที่กระชับขึ้น สุขภาพผิวได้รับการฟื้นฟูกลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ร่องลึกและริ้วรอยต่าง ๆ จางลง ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างเต็มที่ใน 3 – 6 เดือน และคงผลลัพธ์ต่อเนื่องไปถึง 1 ปี และอาจนานกว่านี้ ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ
Sculptra: ไม่เห็นผลลัพธ์ทันที เนื่องจากสาร PLLA จะใช้เวลาประมาณ 5 วันหลังฉีด เพื่อออกฤทธิ์กระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน ซึ่งใช้เวลา 2 – 3 สัปดาห์ในการเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หลังฉีด 3 เดือน โดยผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 2 ปีค่ะ

Radiesse และ Sculptra ช่วยเรื่องยกกระชับได้อย่างไร?

Radiesse

ช่วยเรื่องการเติมเต็มริ้วรอยร่องตื้นและร่องลึกทันทีหลังฉีด ซึ่งเป็นผลลัพธ์เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ จากนั้นฤทธิ์ของ CaHA จะจับกับเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนหรือไฟโบรบลาสต์โดยตรง ซึ่งจะฟื้นฟูโครงสร้างของผิวชั้นลึกถึง 5 ประการ ตั้งแต่คอลลาเจน Type I, Type III อีลาสติน กระตุ้นการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงผิว และช่วยให้สารอาหารหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์จะเริ่มแสดงให้เห็นภายใน 1 เดือน และเห็นผลชัดเจนภายใน 3 – 6 เดือนหลังฉีด

โดยการฉีด Radiesse จะช่วยมอบผิวที่ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง ผิวหย่อนคล้อยกระชับขึ้น แน่นขึ้น มีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น อิ่มฟู กระจ่างใส และริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ที่จางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง Radiesse สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หน้าแก้ม ขมับ กรอบหน้า แก้ผิวเหี่ยวย่นบริเวณลำคอ หลังมือ และเนินอกสำหรับผู้หญิง

Sculptra

ช่วยเรื่องการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแลดูเด็กและอ่อนเยาว์อีกครั้ง โดยอนุภาคของสาร PLLA จะกระจายตัวในชั้นผิวอย่างสม่ำเสมอหลังฉีด และกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจน โดยเพิ่มปริมาณ “ไฟโบรบลาสต์” หรือเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจน ซึ่งอาศัยหลักการเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า “แมคโครฟาจ” มาช่วยในการทำงาน ทั้งนี้ Sculptra ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน Type I เป็นหลัก สูงถึง 66.5% ทีเดียวค่ะ

โดยเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีด 2 – 3 สัปดาห์ ผิวจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้งอย่างล้ำลึก ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ จางลง มีความยืดหยุ่น เต่งตึง เปล่งปลั่ง และกระจ่างใสกว่าเดิม จากนั้นคอลลาเจนจะค่อย ๆ สร้างใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 3 เดือน ซึ่ง Sculptra ฉีดได้หลายตำแหน่งทั่วร่างกายเช่นกันค่ะ เช่น ตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้า ลำคอ หรือกู้คืนความเรียบเนียนอ่อนเยาว์ที่ผิวบริเวณหลังมือก็ได้เช่นกัน

Radiesse และ Sculptra ฉีดอันไหนดีกว่า?

ข้อดีของ Radiesse

  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และวอลลุ่มของผิวทันทีหลังฉีด
  • ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนทั้ง Type I และ Type III รวมถึงเส้นใยอีลาสตินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เห็นผลลัพธ์ใน 2 – 3 สัปดาห์ เริ่มชัดเจนภายใน 1 – 3 เดือน
  • ไม่ต้องทำบ่อย ให้ผลลัพธ์ยาวนาน 1 ปี
  • ผิวเต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย
  • ผิวอิ่มน้ำ กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี
  • ผิวยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี
  • สลายตัวได้เอง

 

ข้อดีของ Sculptra

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I สูงถึง 66.5%
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิวอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นผลลัพธ์ 2 – 3 สัปดาห์หลังฉีด ผลลัพธ์เริ่มชัดเจนภายใน 3 เดือน
  • ไม่ต้องทำบ่อย ให้ผลลัพธ์ยาวนาน 2 ปี
  • โครงสร้างและคุณภาพผิวดีขึ้นจากภายในอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าดูเด็กลง
  • ช่วยชะลอวัย ลดอัตราการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • ผิวยกกระชับขึ้น วอลลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ
  • ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และรูขุมขนเล็กลง
  • สลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ

เห็นได้ว่าทั้ง Radiesse และ Sculptra ล้วนมีคุณสมบัติในการฟื้นฟู และคืนความอ่อนเยาว์แก่ผิว ด้วยการออกฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินขึ้นใหม่ตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกายค่ะ สำหรับ Radiesse จะช่วยเพิ่มวอลลุ่มผิวทันทีหลังฉีด และค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนต่อเนื่อง ขณะที่ Sculptra จะเหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องวอลลุ่มผิว หรือไม่ได้ต้องการเติมวอลลุ่มของผิวในทันที แต่ต้องการค่อย ๆ เติมคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว เน้นไปที่ผลลัพธ์จากโครงสร้างผิวเดิมของตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ดังนั้นแท้จริงไม่มีตัวไหนดีกว่ากันค่ะ การจะเลือกฉีด Radiesse และ Sculptra ควรตัดสินใจที่ปัญหา และความต้องการด้านผลลัพธ์ของตัวเองเป็นหลัก หากต้องการเพิ่มวอลลุ่มของผิวทันทีหลังฉีด Radiesse ย่อมเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการเน้นค่อย ๆ ให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติ Sculptra ก็คือตัวเลือกที่ดี ทว่าหากใครลังเลไม่แน่ใจ ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนย่อมดีที่สุดค่ะ

Radiesse และ Sculptra ฉีดร่วมกันได้ไหม ?

ทั้ง Radiesse และ Sculptra สามารถฉีดร่วมกันได้ค่ะ ซึ่งในกรณีนี้ต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการฉีดแต่ละชนิด โดยหากฉีดคนละบริเวณก็สามารถฉีดพร้อมกันได้เลย แต่หากเป็นบริเวณเดียวกัน ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 – 3 เดือนค่ะ

ฉีด Radiesse และ Sculptra ที่ APEX ครบจบในที่เดียว

  • เป็นสถาบันเสริมความงามแบบครบวงจร ที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี
  • เราใช้ทั้ง Radiesse และ Sculptra ของแท้ ซึ่งนำเข้าจากบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอย่างถูกต้อง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้
  • ทีมแพทย์ทุกคนของเราผ่านการฝึกอบรมและเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ อยู่เสมอ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงด้านการฉีดปรับรูปหน้าด้วย Radiesse และ Sculptra
  • เราได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการและเซเลบริตี้คนดังมายาวนาน พร้อมรีวิวมากมาย
  • มีรางวัลการันตีหลากหลายด้านการฉีดผิวและกระชับผิว
  • มีกว่า 50 สาขา พร้อมให้บริการทั่วประเทศ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมเสริมหน้าอกแล้วแข็ง
สาระน่ารู้

หน้าอกแข็งหลังเสริม เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

การศัลยกรรมหน้าอกเสร็จสิ้นแล้ว แต่หน้าอกกลับแข็ง! หน้าอกที่แข็งหลังศัลยกรรมเป็นปัญหาที่หลายคนกังวล สาเหตุของความแข็งของหน้าอกอาจมีหลายประการ

อ่านต่อ »
เสริมหน้าอกผู้หญิง VS LGBTQ
สาระน่ารู้

เสริมหน้าอกผู้หญิง VS LGBTQ ต่างกันอย่างไร ?

การเสริมหน้าอกเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจและปรับรูปร่างให้สมส่วน อย่างไรก็ตาม กระบวนการเสริมหน้าอกในผู้หญิงทั่วไปและบุคคล LGBTQ อาจแตกต่างกัน

อ่านต่อ »
บอกต่อ 10 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเสริมหน้าอก
สาระน่ารู้

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเสริมหน้าอก 10 ข้อควรทราบก่อนตัดสินใจ

การมีหน้าอกสวย สมส่วน เป็นความฝันของผู้หญิงหลายคน ซึ่งการเสริมหน้าอกช่วยปรับขนาดให้เหมาะสมกับรูปร่างและเสริมสร้างความมั่นใจได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการเพิ่มขนาดเพื่อความสมดุลของสัดส่วน

อ่านต่อ »
โปรแกรม HArmonyCA ! ราคาเปิดตัว 1 Dose เพียง 29,900 บาท
โปรโมชั่น

โปรแกรม HArmonyCA ! ราคาเปิดตัว 1 Dose เพียง 29,900 บาท

หากคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใสและกระชับแบบไม่ต้องพักฟื้น โปรแกรม HarmonyCA คือตัวช่วยที่คุณไม่ควรพลาด! ด้วยเทคโนโลยี Hyaluronic Acid

อ่านต่อ »
ญดา นริลญา Apex Idol

สนใจปรึกษาหรือเข้ารับบริการ

หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลยค่ะ